ประกันควบการลงทุน

ประกันควบการลงทุน (Unit-linked) คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ที่รวมเอา ความคุ้มครองชีวิต เข้ากับ การลงทุนในกองทุนรวม ไว้ในกรมธรรม์ฉบับเดียวกันครับ

เบี้ยประกันที่จ่ายจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่นำไปจ่ายเป็น ค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองชีวิต (Cost of Insurance – COI) และส่วนที่นำไปซื้อ หน่วยลงทุนในกองทุนรวม (Investment Unit) ตามที่เลือก

Unit-linked จึงเป็นทางเลือกที่ให้อิสระแก่ผู้ถือกรมธรรม์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนและการคุ้มครองชีวิตไปพร้อมๆ กันนั่นเอง

ส่วนประกอบและการทำงาน - ประกันควบการลงทุน (Unit-linked)

เบี้ยประกันที่จ่ายจะถูกบริหารจัดการดังนี้

  1. หักค่าใช้จ่ายและความคุ้มครอง: บริษัทประกันจะหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและ ต้นทุนความคุ้มครองชีวิต (COI) ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามอายุของคุณ
  2. ส่วนที่เหลือไปลงทุน: เงินส่วนที่เหลือจะถูกนำไปซื้อ หน่วยลงทุนในกองทุนรวม ที่บริษัทประกันคัดเลือกไว้ (เรียกว่ากองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ หรือ Fund of Funds) โดยผู้เอาประกันเป็นผู้เลือกสัดส่วนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  3. ความยืดหยุ่น: มูลค่ากรมธรรม์จะขึ้นอยู่กับ มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ซึ่งสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามผลประกอบการของกองทุนที่คุณเลือก

ข้อดีหลักของ Unit-linked

ด้าน

Unit-linked

ประกันชีวิตแบบดั้งเดิม (สะสมทรัพย์/ตลอดชีพ)

ผลตอบแทน

มี โอกาส ได้รับผลตอบแทนสูงกว่า (ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน)

ผลตอบแทนถูก การันตี หรือกำหนดไว้ในอัตราที่แน่นอน (มักต่ำกว่า)

ความยืดหยุ่น

สูงมาก สามารถปรับเพิ่ม/ลดทุนประกัน, หยุดพักชำระเบี้ย, หรือถอนเงินบางส่วนจากมูลค่าหน่วยลงทุนออกมาได้ (ตามเงื่อนไข)

จำกัด การปรับเปลี่ยนทำได้ยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง

ทุนประกัน

สามารถเลือกกำหนด ทุนประกันชีวิตที่สูง ได้ในขณะที่จ่ายเบี้ยประกันหลักที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับประกันแบบดั้งเดิม

ทุนประกันถูกกำหนดไว้ตายตัวตั้งแต่ต้น

การบริหารเงินลงทุน

ผู้เอาประกันสามารถ เลือกกองทุน และปรับสัดส่วนการลงทุนได้เอง (Switching Fund)

บริษัทประกันเป็นผู้บริหารเงินส่วนนี้เอง โดยมีกฎระเบียบเข้มงวด

ประกัน

ข้อควรระวังที่ต้องรู้

  1. ความเสี่ยงจากการลงทุน: ผลตอบแทน ไม่ถูกการันตี มูลค่าหน่วยลงทุนอาจลดลงได้ หากกองทุนที่เลือกขาดทุน ผู้เอาประกันต้องรับความเสี่ยงเองทั้งหมด
  2. ความคุ้มครองมีวันสิ้นสุด (ถ้าพอร์ตติดลบ): หากผลตอบแทนติดลบหรือไม่ได้ตามเป้า หมายความว่ามูลค่าหน่วยลงทุนในพอร์ตจะลดลง ซึ่งอาจทำให้เงินไม่พอหัก ค่า COI ในระยะยาว ผู้เอาประกันอาจต้องจ่ายเบี้ยเพิ่ม หรือกรมธรรม์อาจสิ้นสุดความคุ้มครองก่อนกำหนด
  3. ค่าธรรมเนียมสูงในช่วงแรก: ในช่วง 1–5 ปีแรก เบี้ยประกันที่จ่ายไปจะถูกหักค่าธรรมเนียมการดำเนินงานสูงมาก ทำให้เงินส่วนที่นำไปลงทุนเริ่มต้นมีน้อยกว่าที่คาดไว้
  4. การลดหย่อนภาษี: ส่วนที่นำไปลดหย่อนภาษีได้คือเบี้ยประกันส่วนที่เป็นความคุ้มครอง (COI) เท่านั้น ไม่ใช่เบี้ยประกันทั้งหมดที่คุณจ่าย (ซึ่งแตกต่างจากประกันชีวิตทั่วไปที่เบี้ยทั้งหมดมักนำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน)

Unit-linked เหมาะกับใคร?

ประกันควบการลงทุนจะเหมาะสมที่สุดกับผู้ที่:

  1. ต้องการทุนประกันชีวิตสูง: ต้องการความคุ้มครองชีวิตที่สูง เพื่อเป็นหลักประกันให้ครอบครัว
  2. มีความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุน: สามารถเลือกกองทุนและรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้
  3. มีเป้าหมายระยะยาว: เน้นการสะสมความมั่งคั่งเพื่อเป้าหมายในระยะยาว (10 ปีขึ้นไป) เช่น เพื่อการเกษียณ โดยใช้ประโยชน์จากพลังดอกเบี้ยทบต้น
  4. ต้องการความยืดหยุ่น: ต้องการปรับเปลี่ยนสัดส่วนความคุ้มครองและการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ทางการเงินในแต่ละช่วงชีวิต
  5. มีวินัยทางการเงิน: สามารถจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะจ่ายเบี้ยเพิ่ม (Top-up) หากพอร์ตการลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ใครที่กำลังมองหาประกันเภทนี้อยู่ลองเอาข้อมูลไปคุยกับตัวแทนประกันดูนะครับ จะได้คุยกันรู้เรื่องไม่ต้องมั่วเหมือนหวยไวครับ

Category
Tags

Comments are closed